การกำกับดูแลในกระบวนการเทรดมีความสำคัญจริงหรือไม่?

กล่าวกันว่าตลาดการเทรดนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และหน่วยงานกำกับดูแลไม่สามารถตรวจสอบความเสี่ยงได้ทุกอย่าง ดังนั้น แทนที่จะมุ่งเน้นเฉพาะการกำกับดูแล การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีต้นทุนต่ำและมีฐานผู้ใช้งานจำนวนมากจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

1. ถ้าไม่มีการกำกับดูแลจะเป็นยังไง?

ถ้าพูดถึงว่าการกำกับดูแลสามารถป้องกันความเสี่ยงทั้งหมดได้ถือว่าเป็นการพูดที่เกินจริงไป แต่อย่างไรก็ตาม การกำกับดูแลที่ดีสามารถช่วยลดความเสี่ยงส่วนใหญ่ได้เช่นกัน เช่นเดียวกับการกำกับดูแลของ FCA ในอังกฤษ ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีกรณีที่เกิดการล้มละลายหรือหนีหาย การปฏิบัติตามข้อกำหนดและความปลอดภัยในด้านนี้จึงถือว่ามีความน่าเชื่อถือและมั่นคงเป็นอย่างมาก

ถ้าไม่มีการกำกับดูแลจะเป็นยังไง?

ประการแรกเลยนั้น แพลตฟอร์มอาจสร้างสลิปเพจและปัญหาการค้างของระบบขึ้นโดยตั้งใจ เนื่องจากขาดการกำกับดูแล แม้ว่าผู้ใช้งานจะสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่ก็ยากที่จะดำเนินการร้องเรียนหรือเรียกร้องสิทธิได้

ประการต่อมาเลยคือ เงินทุนของคุณอยู่ในสภาพที่ไม่มีการกำกับดูแล ดังนั้นหากแพลตฟอร์มมีการนำเงินของคุณไปใช้ คุณจะไม่ทราบถึงการกระทำดังกล่าวและไม่สามารถแยกการจัดการเงินทุนได้อย่างอิสระ

ซึ่งสองปัญหานี้เห็นได้ชัดเจนที่สุด หากไม่มีการกำกับดูแล การเทรดของคุณจะต้องเจอกับปัญหามากมายแม้แต่การฝากและถอนเงินยังอาจมีอุปสรรค แล้วจะไปพูดถึงการทำกำไรได้อย่างไร?

2. การกำกับดูแลจะช่วยรับรองความปลอดภัยได้อย่างไร?

1. ข้อกำหนดเบื้องต้น

ยกตัวอย่างเช่น FCA ของอังกฤษเป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่มีความเข้มงวดและมีอำนาจมากที่สุดในโลก การที่จะได้รับใบอนุญาตกำกับดูแลเต็มรูปแบบจาก FCA ของอังกฤษอย่างน้อยต้องผ่านเงื่อนไขเหล่านี้ :

① ค่าธรรมเนียมการสมัครระหว่าง 12,500 - 730,000 ปอนด์

② เงินประกันจำนวน 2,000,000 ปอนด์

③ ค่าธรรมเนียมประจำปีที่กำหนด

④ ระยะเวลาในการสมัคร 2 ปี

⑤ การตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครและรายงานการตรวจสอบทางการเงิน

ข้อกำหนดแต่ละข้อนั้นถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นถ้าต้องทำทั้ง 5 ข้อนี้ให้ครบ ซึ่งแพลตฟอร์มทั่วไปจึงยากที่จะได้รับใบอนุญาตนี้ นอกจากนี้ FCA ยังมีการตรวจสอบทุกปีและจะถอนใบอนุญาตจากแพลตฟอร์มที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ทำให้แพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตนี้มีน้อยมาก ดังนั้นแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตนี้จึงให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดและความปลอดภัยอย่างมาก

การได้รับการรับรองจาก FCA ทำให้แพลตฟอร์มคุณภาพสูงเหล่านี้มีโอกาสในการร่วมมือกับสถาบันขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร ซึ่งทำให้มีสภาพคล่องที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการสลิปเพจและช่องว่างราคาลงได้อย่างมาก รวมทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม EBC ที่เราใช้อยู่นั้นได้รับใบอนุญาตกำกับดูแลเต็มรูปแบบจาก FCA ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ให้บริการสภาพคล่องชั้นนำกว่า 36 ราย รวมถึง JPMorgan และ UBS โดยอัตราการปรับราคาของแพลตฟอร์มนี้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอย่างมาก

2. ระบบการดูแลเงินทุนอย่างอิสระ

ตัวอย่างเช่น FCA ของสหราชอาณาจักรดำเนินการภายใต้ข้อกำหนด CASS ขณะที่ CIMA ของหมู่เกาะเคย์แมนปกครองโดยกฎหมาย SIB หลักการสำคัญคือ เงินทุนของลูกค้าต้องถูกเก็บแยกจากเงินทุนของแพลตฟอร์มเพื่อป้องกันไม่ให้แพลตฟอร์มมีโอกาสเข้าถึงเงินทุนของลูกค้า

ซึ่งจุดนี้ช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนตั้งแต่ต้นทาง

การกำกับดูแลระดับชั้นนำนั้นยังมีมาตรการที่เข้มงวดกับธนาคารด้วยเช่นกัน ดังนั้น ธนาคารจึงจำเป็นต้องตรวจสอบเงินทุนในบัญชีและส่งรายงานให้กับหน่วยงานกำกับดูแล สิ่งนี้จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเงินทุนอีกชั้นหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ธนาคารที่ทำหน้าที่ดูแลเงินทุนมีความแตกต่างกัน หากเป็นธนาคารข้ามชาติที่อยู่ภายใต้ข้อบังคับของข้อตกลงบาเซล จะต้องมีการสำรองเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทำให้ระดับความปลอดภัยของเงินทุนสูงสุดที่ระดับ AAA และแทบจะไม่มีความเสี่ยงจากตลาด แต่หากเป็นธนาคารที่มีระดับเครดิตต่ำกว่าการปกป้องความปลอดภัยจะค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการถอนเงินจำนวนมาก ยังคงอาจเกิดความเสี่ยงทางการเงินได้ ดังนั้น ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด โดยมีการเก็บเงินทุนแยกจากกันในธนาคารระดับชั้นนำ

ธนาคารประเภทนี้มักจะมีข้อกำหนดที่ค่อนข้างสูง ตัวอย่างเช่น ธนาคารที่ทำหน้าที่ดูแลเงินทุนของ EBC Group คือ Barclays Bank ของอังกฤษ เนื่องจากเป็น Corporate Banking Account ระดับสูงสุดของ Barclays การขอเปิดบัญชีประเภทนี้จะต้องมีรายได้และยอดเงินฝากของบริษัทอย่างน้อย 6.5 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้แพลตฟอร์มที่ไม่มีคุณสมบัติไม่ครบนั้นไม่สามารเข้ามาใช้บริการได้

3. การคุ้มครองความเสี่ยง

ตัวอย่างเช่น FCA ของสหราชอาณาจักร มีมาตรการคุ้มครองที่สำคัญ ได้แก่ แผนการชดเชยของ FSCS และประกันของ PI ซึ่งเป็นข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตาม

ในส่วนของการคุ้มครองการชดเชย FSCS ถือเป็นแผนการคุ้มครองที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในบรรดาหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกตั้งแต่ปี 2001 ได้มีการจ่ายชดเชยรวมแล้ว 5.5 พันล้านปอนด์และครอบคลุมผู้คนหลายล้านคน ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีการคุ้มครองจากการกำกับดูแล หากคุณเผชิญกับความเสี่ยงจากการล้มละลายของแพลตฟอร์ม การคืนทุนที่สามารถทำได้ก็จะมีขีดจำกัดอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม โครงการคุ้มครองที่ออกโดยหน่วยงานกำกับดูแลแต่ละแห่งจะครอบคลุมเฉพาะบริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดบัญชีกับ EBC Group ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA คุณจะสามารถได้รับการคุ้มครองการชดเชยสูงสุด 85,000 ปอนด์จาก FSCS

หากคุณทำการเทรดกับแพลตฟอร์มที่อ้างว่าได้รับการกำกับดูแล แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการกำกับดูแลจริงนั้น คุณจะไม่สามารถเข้าถึงการคุ้มครองตามแผนการชดเชยดังกล่าวได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ควรให้ความสำคัญกับการเลือกแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแลอย่างเหมาะสมและถูกต้อง

อันดับต่อมาคือประกัน PI FCA ของอังกฤษเป็นหน่วยงานกำกับดูแลแห่งแรกในโลกที่กำหนดให้การมีประกัน PI เป็นข้อบังคับ ซึ่งสะท้อนถึงความล้ำหน้าของแนวคิดในการกำกับดูแลของหน่วยงานชั้นนำ ประกัน PI มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการสูญเสียของผู้ใช้ที่เกิดจากความผิดพลาดของแพลตฟอร์มนอกเหนือจากการล้มละลายของแพลตฟอร์ม

ปัจจุบัน FCA ของอังกฤษกำหนดให้มีการประกัน PI ด้วยจำนวนความคุ้มครองขั้นต่ำที่ 1 ล้านปอนด์ หากต่ำกว่านี้จะถือว่าไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านการกำกับดูแล ซึ่งประกัน PI นี้ให้ความคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ และเมื่อมีการเพิ่มจำนวนความคุ้มครอง ความคุ้มครองก็จะขยายตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น EBC ซึ่งมีการซื้อประกันที่มีมูลค่าความคุ้มครองสูงเกิน 10 ล้านดอลลาร์ในทุกปี หากมีการเรียกร้องจากประกันผู้ใช้แต่ละคนสามารถได้รับการชดเชยสูงสุดถึง 350,000 ดอลลาร์

ข้างต้นที่กล่าวมานั้นคือการคุ้มครองที่หน่วยงานกำกับดูแลได้จัดเตรียมไว้เพื่อความปลอดภัยในการเทรดของเรา

ในทางปฏิบัติ หน่วยงานกำกับดูแลจะทำการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเงินทุนและดัชนีที่ผิดปกติอย่างใกล้ชิด และติดตามอย่างเจาะจง ดังนั้น การกระทำที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างต่อเนื่องจึงเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการกำกับดูแลทั่วไป หน่วยงานกำกับดูแลระดับสูงสุดถือเป็นผู้นำในการพัฒนาและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการกำกับดูแล โดยมีมาตรการคุ้มครองที่เข้มงวดกว่าซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกแพลตฟอร์มที่เราจะใช้บริการ